
สุโขทัย มีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย ไม่เพียงเเต่เที่ยวชมวัดวาอารมเเละมรดกโลกในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย หรือ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย เเต่เพียงเท่านั้น เเต่ยังมีวิถีชีวิตของชุมชนเมืองเก่า ชุมชนบ้านนาต้นจั๋น อีกทั้งหัตถกรรม งานฝีมือ ท้องถิ่น เช่น ผ้าหมักโคลน รวมทั้งการ ขี่จักรยานรอบอุทยานประวัติศาสตร์ นั่งรถคอกหมู หรือรถรางชมอุทยานอันเป็นมรดกโลกของประเทศไทย
ตั้งอยู่ทางฝั่งเหนือของคลองแม่ลำพัน ตามศิลาจารึกที่วัดนี้เขียน เล่าเหตุการณ์ในระหว่างก่อน พ.ศ. 1905-1933 ว่า พนมไสดำผัวแม่นมเทด เป็นขุนนางผู้จงรักภักดีสร้างวัดนี้ถวายแด่พระมหาธรรมราชาลิไท และมหาเทวี พระขนิษฐาของพระมหาธรรมราชาลิไท วัดนี้เป็นวัดขนาดใหญ่ จุดเด่นอยู่ที่เจดีย์ประธานเป็นทรงระฆัง ที่ฐานเจดีย์เป็นรูปช้างล้อม จำนวน 32 เชือก มีลายประทักษิณโดยรอบ นอกจากนี้ยังมีเจดีย์รายและโบสถ์กลางน้ำอีกด้วย
สิ่งที่เป็นจุดเด่นของวัดนี้คือ มณฑปที่ประดิษฐานพระอจนะ พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ตามพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาเรียกสถานที่นี่ว่า “ฤาษีชุม” เป็นสถานที่ที่พระนเรศวรมาหาราชใช้เป็นที่ประชุมทัพก่อนยกไปปราบเมืองสวรรคโลก นอกจากนี้ในช่องผนังด้านข้างมณฑป (อุโมงค์วัดศรีชุม) ยังเป็นจุดที่ค้นพบหลักศิลาจารึกหลักที่ 2 ที่เล่าถึงเรื่องราวการก่อตั้งราชวงศ์สุโขทัยอีกด้วย
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ครอบคลุมพื้นที่โบราณสถานกรุงสุโขทัย ศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรสุโขทัยซึ่งมีอำนาจอยู่บริเวณภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทยในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-19 ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า (เขตเทศบาลตำบลเมืองเก่า) อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ห่างจากตัวเมืองสุโขทัยปัจจุบัน (เขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี) ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 12 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (ถนนจรดวิถีถ่อง)
ตั้งอยู่ริมถนนจรดวิถีถ่อง ทางทิศเหนือของวัดมหาธาตุ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2518 ลักษณะพระบรมรูปหล่อด้วยโลหะทองเหลืองผสมทองแดงรมดำ ขนาดสองเท่าขององค์จริง สูง 3 เมตร ประทับนั่งห้อยพระบาทบนแท่นมนังคศิลาบาตร พระหัตถ์ขวาถือคัมภีร์ พระหัตถ์ซ้ายอยู่ในท่าทรงสั่งสอนประชาชน แท่นด้านซ้ายมีพานวางพระขรรค์ ลักษณะพระพักตร์ คล้ายกับพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยตอนต้น ด้านข้างมีแผ่นจารึกเหตุการณ์เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจอยู่ด้วย
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกใกล้กับประตูกำแพงหัก อาคารสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2503 จนแล้วเสร็จและเปิดให้เข้าชมในปี พ.ศ.2506 โดยภายในอาคารแบ่งการจัดแสดงออกเป็นสามส่วน คือ อาคารลายสือไทย เป็นห้องจัดแสดงสไลด์มัลติวิชั่น ในอาคารที่สองจัดแสดงโบราณวัตถุที่สำคัญ และส่วนที่สามเป็นส่วนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่มีการจำลองโบราณวัตถุชิ้นใหญ่ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวชมได้อยางใกล้ชิด
วัดนี้ตั้งอยู่ใจกลางผังเมือง ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางของเมืองสุโขทัย สร้างขึ้นตามความเชื่อในเรื่องจักรวาลแบบอินเดียโบราณ ภายในบริเวณวัดประกอบด้วยเจดีย์ประธาน วิหาร มณฑป โบสถ์ และเจดีย์รายจำนวนมากกว่า 200 องค์ โดยมีเจดีย์ประธานลักษณะเป็นทรงดอกบัวตูม ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะสุโขทัยโดยแท้ รอบๆเจดีย์ประธานมีเจดีย์ประจำทิศอีก 8 องค์ องค์ที่อยู่ตรงมุมทั้งสี่มีอิทธิพลของศิลปะหริภุญไชย และล้านนา ส่วนเจดีย์ที่อยู่ตรงกลางด้านทั้งสี่เป็นทรงปราสาทเรือนยอดแบบสุโขทัย โดยมีลวดลายปูนปั้นศิลปะแบบลังกา
ตามศิลจารึกหลักที่ 1 บรรยายว่าที่วิหารหลวงของวัดนี้เคยเป็นที่ ประดิษฐานพระพุทธรูปทองขนาดใหญ่ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นหลวงพ่อโตของชาวเมืองเก่า จนเมื่อต้นสมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ได้อัญเชิญไปอยู่ที่ วัดสุทัศน์เทพวราราม
ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของวัดมหาธาตุ มีโบราณสถานที่สำคัญคือปรางค์ 3 องค์ ที่มีรูปแบบศิลปะแบบลพบุรี แต่ลักษณะของพระปรางค์ค่อนข้างเพรียวตั้งอยู่บนฐานเตี้ยๆ มีลวดลายปูนปั้นบางส่วนคล้ายเครื่องถ้วนจีนสมัยราชวงศ์หยวน นอกจากนี้ยังพบทับหลังรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนเทวรูปและศิวลึงค์ อันแสดงถึงวัดนี้เคยเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดูมาก่อน
การสร้างเส้นทางรอบเมืองเก่าซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่นักท่องเที่ยวในการเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่่น วัด เจดีย์และพระราชวัง ทำให้การขี่จักรยานชมเขตเมืองเก่าเป็นกิจกรรมหนึ่งที่เป็นที่สนใจ ของนักท่องเที่ยวอย่างมาก กิจกรรมอื่นๆ เช่น ว่ายน้ำสระ นวดแผนไทย วิ่งออกกำลังกายพร้อมชม ความงดงามของพื้นที่ แกะสลักผลไม้แบบไทย นั่งรถรางเที่ยวชมเมือง
อีกกิจกรรมที่สามารถสร้างความรื่นรมย์แก่ผู้มาเยือน คือ การปั่นจักรยานชมทัศนียภาพอันสวยงามของบ้านนาต้นจั่น ด้วยวิถีเกษตรกรรม ทั้งหมู่บ้านจึงรายล้อมไปด้วยท้องนา ไร่สวน ภาพความสวยงามจะสวยแตกต่างกันไปตามฤดูกาล เช่น จะเห็นภาพท้องนาเขียวขจีในฤดูฝน ภาพสีทองของทุ่งข้าวสุกพร้อมเกี่ยว หรือทะเลสีเหลืองของดอกปอเทืองในช่วงฤดูหนาว ภาพแปลงผัก ไร่ข้าวโพด สวนผลไม้ ที่เขียวสดตลอดทั้งปี พร้อมกันนี้ต้องไม่พลาดชมภาพพระอาทิตย์ตกที่ปลายท้องนาในช่วงโพล้เพล้ ซึ่งชาวชุมชนนาต้นจั่นเองยังการันตีว่า พระอาทิตย์ตกที่นี่สวยงามไม่แพ้ที่ไหนเลยทีเดียว
โครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย ซึ่งเคยได้รับรางวัลดีเด่น ประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร จากการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ ๑๐ ประจำปี ๒๕๕๘ จัดโดย ททท. และเคยได้รับรางวัล PATA Gold Award 2012 (Environment – Ecotourism Project : EC) โดยเริ่มที่การนั่งรถอีแต๋นเที่ยวชมและร่วมกิจกรรมห้องเรียนกลางแจ้ง สัมผัสวิถีเกษตรอินทรีย์จากการลงมือปฏิบัติ ผู้ร่วมกิจกรรมต้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดหม้อฮ่อม ใส่รองเท้าแตะ สวมงอบ ที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้เพื่อความคล่องตัว ราวกับเป็นเกษตรกรตัวจริง ก่อนเริ่มกิจกรรมเจ้าหน้าที่จะบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ ณ บริเวณห้องโถง ซึ่งมีนิทรรศการประวัติความเป็นมาของโครงการ พร้อมทั้งจัดแสดงพันธุ์ข้าวแต่ละสายพันธุ์ที่โครงการได้พัฒนาขึ้น
อัตลักษณ์อย่างหนึ่งที่ทำให้บ้านนาต้นจั่นเป็นที่รู้จักคือ ภูมิปัญญาการทำผ้าหมักโคลน ซึ่งได้ค้นพบจากการสังเกตชายผ้านุ่งของหญิงสาวที่ใส่ออกไปทำไร่ทำนาว่าส่วนที่เปรอะโคลนเมื่อซักแล้วเนื้อผ้ากลับมีความนุ่มมากกว่าส่วนอื่น จึงได้ริเริ่มลองนำผ้าทั้งผืนมาหมักโคลนและพบว่านอกจากผ้าจะนิ่มลงแล้ว ยังมีสีนวลตามากยิ่งขึ้น เป็นที่มาของการทำผ้าหมักโคลนจนถึงปัจจุบัน ส่วนสาเหตุที่โคลนทำให้ผ้านิ่มนั้น จากข้อมูลเชิงวิชาการพบว่า ค่าความเป็นกรดด่างของแร่ธาตุเหล็กในโคลนจะแทรกซึมเนื้อผ้า ทำให้ใยผ้าขยายตัว เกิดความนิ่ม พร้อมทั้งช่วยให้สีย้อมติดดี เนื้อผ้าให้ความอบอุ่นในหน้าหนาวได้ดี และให้ความเย็นสบายในหน้าร้อนเช่นกัน
ชมการแสดงแสง สี เสียง ยิ่งใหญ่ตระการตา ในบรรยากาศรายรอบด้วยเสน่ห์แห่งมนต์ขลังของเมืองโบราณ เมืองมรดกโลกในชุดการแสดง “เล่าเรื่องเมืองสุโขทัย” ที่นำเรื่องเมืองสุโขทัยเมื่อครั้งเป็นอาณาจักรมาจัดเเสดงสะท้อนผิวสระน้ำรอบวัดสระศรี มีเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังสุโขทัย การแสดงแสงสีเสียงสุโขทัย จัดทุกวันศุกร์แรกของเดือน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ – กันยายน ตั้งเเต่เวลา 19.00 น. โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการชมการเเสดงนี้
กำหนดวันเวลาการแสดง >>คลิก